ในยุคที่ตลาดเต็มไปด้วยแบรนด์รองเท้าที่แข่งกันสร้างสรรค์ดีไซน์ใหม่ๆ พร้อมทุ่มงบมหาศาลไปกับการตลาด มีแบรนด์หนึ่งจากฝรั่งเศสที่เดินสวนทางทุกกระแส แต่กลับประสบความสำเร็จคาดไม่ถึงจนกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก นั่นคือ ‘Veja’ แบรนด์ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า การยึดมั่นในความยั่งยืนและคุณภาพของ product สำคัญกว่าการสร้างภาพลักษณ์ด้วยการโฆษณา
จุดเริ่มต้นที่แตกต่าง
เรื่องราวของ Veja เริ่มขึ้นในปี 2004 เมื่อเพื่อนซี้ชาวฝรั่งเศสสองคน Sébastien Kopp และ François-Ghislain Morillion ได้เดินทางไปทั่วโลกและพบกับข้อเท็จจริงอันน่าตกใจของอุตสาหกรรมแฟชั่น นั่นคือผลกระทบอันใหญ่หลวงต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นตลอดห่วงโซ่การผลิต พวกเขาตั้งคำถามว่า “ทำไมเราถึงไม่รู้เลยว่ารองเท้าที่เราใส่มาจากไหน และมีกระบวนการผลิตอย่างไร?” จากคำถามนี้ จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างแบรนด์รองเท้าที่ทุกกระบวนการผลิตโปร่งใสและมีจริยธรรม ชื่อ “Veja” ในภาษาโปรตุเกสแปลว่า “มองดู” ซึ่งสะท้อนถึงเจตนารมณ์ที่จะชวนให้ผู้คน “มองดู” เบื้องหลังของผลิตภัณฑ์ที่ตนเองเลือกใช้
ปรัชญาหลักของ Veja คือการทุ่มเทงบประมาณไปกับการลงทุนใน “ความเป็นจริง” มากกว่า “การตลาดที่แต่งขึ้น” แบรนด์รองเท้าทั่วไปอาจใช้งบโฆษณาและค่าพรีเซ็นเตอร์สูงถึง 70% ของต้นทุนสินค้า แต่ Veja กลับเลือกที่จะนำเงินก้อนนี้ไปลงทุนกับการจัดหาวัตถุดิบที่ยั่งยืนและเป็นธรรม รวมถึงการดูแลพนักงานในโรงงานให้ได้รับค่าตอบแทนและสภาพการทำงานที่เหมาะสม ซึ่งทำให้ต้นทุนการผลิตของ Veja สูงกว่ารองเท้าทั่วไปถึง 5 เท่า แต่พวกเขาก็ยังคงสามารถขายในราคาที่เข้าถึงได้ เพราะไม่มีภาระค่าใช้จ่ายด้านโฆษณาที่สูงลิ่ว
วัสดุที่เลือกสรรด้วยความรับผิดชอบ
สิ่งที่ทำให้ Veja โดดเด่นและแตกต่างอย่างแท้จริงคือการคัดสรรวัตถุดิบและกระบวนการผลิตที่ใส่ใจโลกและผู้คนอย่างสูงสุด
1. พื้นรองเท้าของ Veja ส่วนใหญ่ทำจากยางธรรมชาติที่เก็บเกี่ยวโดยชาวสวนยางพื้นเมือง (Seringueiros) ในป่าฝนอเมซอนของบราซิล Veja จ่ายเงินให้กับชาวสวนยางในราคาที่สูงกว่าตลาดถึง 3.5-5 เท่า ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างรายได้ที่มั่นคงและยุติธรรมให้กับชุมชน แต่ยังส่งเสริมให้พวกเขาอนุรักษ์ป่าไม้ แทนที่จะโค่นต้นไม้เพื่อการเกษตรหรือปศุสัตว์
2. ผ้าฝ้ายที่ใช้ผลิตตัวรองเท้าและเชือกทำจากผ้าฝ้ายออร์แกนิกที่ปลูกโดยเกษตรกรในบราซิลและเปรูที่ได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ซึ่งหมายถึงการปลูกโดยไม่ใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและปุ๋ยเคมีที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ดิน และสุขภาพของเกษตรกร
3. สำหรับรองเท้าที่ทำจากหนัง Veja เลือกใช้หนังจากฟาร์มในบราซิลและอุรุกวัยที่มีการจัดการฟาร์มอย่างรับผิดชอบ รวมถึงมีการจัดการน้ำและของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ Veja ยังเป็นผู้นำเสนอรองเท้าทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ (Vegan) โดยใช้วัสดุที่เป็นนวัตกรรมอย่าง C.W.L. (Cotton Worked as Leather) ซึ่งทำจากผ้าฝ้ายออร์แกนิกเคลือบด้วยแป้งข้าวโพดและน้ำมันละหุ่ง
ไม่เพียงเท่านั้น Veja ยังให้ความสำคัญกับการนำขยะกลับมาใช้ใหม่ โดยนำขวดพลาสติกรีไซเคิลมาแปรรูปเป็นเส้นใย B-Mesh สำหรับใช้ทำตัวรองเท้าบางรุ่น ซึ่งช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกได้อย่างมหาศาล
ความสำเร็จที่มาจากคุณภาพและเรื่องราว ไม่ใช่โฆษณา
แม้จะไม่มีแคมเปญโฆษณาขนาดใหญ่ แต่ Veja กลับมียอดขายรวมกว่า 12 ล้านคู่ทั่วโลก และมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จที่มาจากการยึดมั่นในหลักการอันแข็งแกร่งของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น:
1. คุณภาพของผลิตภัณฑ์: รองเท้า Veja มีดีไซน์ที่เรียบง่ายเหนือกาลเวลา สวมใส่สบาย และทนทาน ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน
2. เรื่องราวที่น่าเชื่อถือและสร้างแรงบันดาลใจ: ผู้บริโภคยุคใหม่ใส่ใจในประเด็นทางสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น พวกเขาพร้อมที่จะสนับสนุนแบรนด์ที่แสดงความรับผิดชอบอย่างแท้จริง
3. การบอกต่อ (Word-of-Mouth): ความพึงพอใจในคุณภาพและเรื่องราวเบื้องหลังของ Veja ทำให้ลูกค้าบอกต่อประสบการณ์ดีๆ ให้กับคนรอบข้าง
4. การเป็นที่รู้จักโดยธรรมชาติ: การที่บุคคลสาธารณะอย่าง Meghan Markle ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ เลือกสวมใส่รองเท้า Veja ด้วยความชื่นชอบส่วนตัว (โดยที่ Veja ไม่ได้จ่ายเงินจ้าง) ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างอย่างรวดเร็ว
Veja ได้พิสูจน์แล้วว่า การทำธุรกิจอย่างมีจริยธรรมและยั่งยืนนั้น ไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นเส้นทางสู่ความสำเร็จที่แท้จริง แบรนด์นี้แสดงให้เห็นว่า “ความเป็นจริง” ที่โปร่งใสและสร้างสรรค์สิ่งดีๆ นั้น มีพลังมากกว่าการโฆษณาที่สร้างภาพลักษณ์ใดๆ และเป็นแนวทางที่กำลังปฏิวัติวงการแฟชั่นให้ก้าวไปสู่โลกที่ดีขึ้น