10 สนามกอล์ฟคุณภาพในประเทศไทย ที่คุณไม่ควรพลาด

แชร์บทความนี้

ประเทศไทยขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมของนักกอล์ฟจากทั่วโลก ด้วยภูมิประเทศที่หลากหลาย อากาศที่เอื้ออำนวย และสนามกอล์ฟที่ได้มาตรฐานสากลทั้งในแง่ของการออกแบบและบริการ บทความนี้จะแนะนำ 10 สนามกอล์ฟคุณภาพทั่วไทย พร้อมจุดเด่น รายละเอียด ราคา และช่องทางติดต่อที่คุณสามารถไปสัมผัสได้ด้วยตัวเอง

1. Black Mountain Golf Club – หัวหิน
สนามกอล์ฟระดับโลกกลางหุบเขา ที่คนรักกอล์ฟต้องมาเยือนสักครั้ง หากพูดถึงสนามกอล์ฟในประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ชื่อของ Black Mountain Golf Club ที่หัวหิน ย่อมติดอันดับต้น ๆ แทบทุกครั้ง ด้วยสภาพแวดล้อมอันงดงามระดับรีสอร์ต สนามที่ออกแบบอย่างชาญฉลาด พร้อมบริการระดับพรีเมียมที่นักกอล์ฟทั้งไทยและต่างชาติยกนิ้วให้
จุดเด่น : สนามระดับแชมป์ พร้อมวิวเขาและบริการครบวงจร
• จำนวนหลุม : 27
• ออกแบบโดย : Phil Ryan (Pacific Coast Design)
• ค่ากรีนฟี : วันธรรมดา 3,200 บาท / วันหยุด 3,900 บาท (ไม่รวมแคดดี้ + รถกอล์ฟ)
• แผนที่ : Google Map
• เว็บไซต์ : blackmountainhuahin.com

 

2. Chee Chan Golf Resort – พัทยา
Chee Chan Golf Resort คือหนึ่งในสนามกอล์ฟที่งดงามและหรูหราที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่เชิงเขาชีจรรย์ จังหวัดชลบุรี โดดเด่นด้วยทัศนียภาพของ “พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผา” ที่สามารถมองเห็นได้จากหลายหลุมในสนาม พร้อมสนามกอล์ฟระดับแชมเปียนชิพ 18 หลุม ที่ออกแบบโดย David Dale (GolfPlan) ให้ทั้งความสวยงามและความท้าทาย
สนามได้รับรางวัล “สนามกอล์ฟใหม่ที่ดีที่สุดในเอเชียแปซิฟิก” พร้อมบริการครบครัน เช่น คลับเฮาส์หรู สนามซ้อม ห้องล็อกเกอร์ และร้านอาหารคุณภาพ
จุดเด่น : วิวเขาชีจรรย์ พร้อมสนามระดับแชมเปียนชิพ
• จำนวนหลุม : 18
• ออกแบบโดย : David Dale (GolfPlan)
• ค่ากรีนฟี : 3,500–4,000 บาท (รวมรถกอล์ฟ)
• แผนที่ : Google Map
• เว็บไซต์ : cheechanGolf.com

 

3. Alpine Golf Club – ปทุมธานี
Alpine Golf Club ถือเป็นหนึ่งในสนามกอล์ฟที่ดีที่สุดของประเทศไทย ด้วยดีไซน์สนาม 18 หลุมที่สวยงามและท้าทาย ผ่านการจัดแข่งขันระดับ Asian Tour และ Johnnie Walker Classic มาแล้ว
ออกแบบโดย Ron Garl สนามนี้ตั้งอยู่ในบรรยากาศเงียบสงบ รายล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่และเลย์เอาต์ระดับแชมเปียนชิพ เหมาะสำหรับนักกอล์ฟที่ต้องการสนามที่ท้าทาย ฝีมือดี และบรรยากาศสุดพรีเมียม
จุดเด่น : เคยจัด Asian Tour และสนามมีความท้าทายสูง
• จำนวนหลุม : 18
• ค่ากรีนฟี : 3,500–4,500 บาท (ตามช่วงเวลา)
• แผนที่ : Google Map
• เว็บไซต์ : alpinegolfclub.com

 

4. Nikanti Golf Club – นครปฐม
Nikanti Golf Club โดดเด่นด้วยแนวคิดการออกแบบสนาม 18 หลุม แบ่งเป็น 3 เซต เซตละ 6 หลุม (par 36) เพื่อให้ประสบการณ์การเล่นมีความหลากหลายและสมดุล สนามตั้งอยู่ที่นครปฐม เดินทางสะดวกจากกรุงเทพฯ เพียง 1 ชั่วโมง
ที่นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่สนามในประเทศไทยที่ให้บริการแบบ All-Inclusive รวมกรีนฟี รถกอล์ฟ แคดดี้ อาหารก่อน-หลังออกรอบ และของว่างตลอดการเล่น — เหมาะกับนักกอล์ฟที่ต้องการประสบการณ์ระดับพรีเมียมแบบไร้รอยต่อ
จุดเด่น : สนามกอล์ฟแบบ all-inclusive พร้อมอาหารและรถกอล์ฟรวมในแพ็กเกจ
• จำนวนหลุม : 18 (แบ่งเป็น 3 เซต เซตละ 6 หลุม)
• ค่ากรีนฟี : 5,000–5,800 บาท (รวมทุกอย่าง)
• แผนที่ : Google Map
• เว็บไซต์ : nikantigolfclub.com

 

5. Banyan Golf Club – หัวหิน
สนามกอล์ฟวิวเขา บรรยากาศรีสอร์ต ติดอันดับดีที่สุดในเอเชีย
สนามกอล์ฟหรูท่ามกลางธรรมชาติ วิวภูเขาและพระอาทิตย์ตกสุดตระการตา
Banyan Golf Club เป็นสนามกอล์ฟ 18 หลุมระดับพรีเมียม ตั้งอยู่ในหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดดเด่นด้วยเลย์เอาต์ที่ผสมผสานระหว่างความท้าทายและความสวยงามทางธรรมชาติ วิวภูเขาโดยรอบและพระอาทิตย์ตกจากคลับเฮาส์ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่นักกอล์ฟต่างยกย่อง
สนามได้รับรางวัลมากมายในระดับเอเชีย ทั้งในด้านการออกแบบและการบริการ เหมาะสำหรับนักกอล์ฟที่มองหาประสบการณ์คุณภาพควบคู่กับบรรยากาศรีสอร์ต
จุดเด่น : สนามวิวสวย ได้รับรางวัลสนามกอล์ฟยอดเยี่ยมแห่งเอเชียหลายปี
• จำนวนหลุม : 18
• ค่ากรีนฟี : 3,000–4,200 บาท (รวมแคดดี้และรถกอล์ฟบางแพ็กเกจ)
• แผนที่ : Google Map
• เว็บไซต์ : banyanthailand.com

 

6. Red Mountain Golf Club – ภูเก็ต
สนามกอล์ฟวิวตระการตาบนภูเขา เหมืองเก่าแห่งความท้าทาย
Red Mountain Golf Club คือสนามกอล์ฟ 18 หลุมสุดโดดเด่นที่ตั้งอยู่บนภูเขาและพื้นที่เหมืองแร่เก่าในจังหวัดภูเก็ต ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสนามที่ “วิวสวยที่สุดและท้าทายที่สุดในไทย” ด้วยเลย์เอาต์ที่ไต่ระดับสูง-ต่ำผ่านหน้าผา ป่าไม้ และทางลาดชัน
เหมาะสำหรับนักกอล์ฟที่มองหาความตื่นเต้นในการตีแต่ละช็อต พร้อมบรรยากาศแบบ tropical highland ที่หาได้ยากในสนามอื่น ๆ
จุดเด่น : สนามบนพื้นที่เหมืองแร่เก่า ท้าทายและวิวสวยที่สุดในภูเก็ต
• จำนวนหลุม : 18
• ค่ากรีนฟี : 3,500–5,000 บาท (ตามฤดูกาล)
• แผนที่ : Google Map
• เว็บไซต์ : mbkgolf.com

 

7. Thai Country Club – ฉะเชิงเทรา
สนามกอล์ฟหรูระดับเวิลด์คลาส ใกล้กรุงเทพฯ ที่มือโปรเลือกใช้
Thai Country Club คือสนามกอล์ฟระดับแชมเปียนชิพ 18 หลุม ตั้งอยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ห่างจากกรุงเทพฯ เพียงชั่วโมงเศษ สนามแห่งนี้ได้รับการดูแลโดย Peninsula Hotel Group และเคยใช้จัดการแข่งขันระดับโลกอย่าง Asian Tour และ Honda Classic มาแล้วหลายครั้ง
สนามมีเลย์เอาต์สวยงาม แฟร์เวย์กว้าง พร้อมกรีนที่รวดเร็วและท้าทาย เหมาะสำหรับทั้งมืออาชีพและนักกอล์ฟที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ระดับพรีเมียม
จุดเด่น : สนามพรีเมียมสำหรับสมาชิกและนักกอล์ฟต่างชาติ
• จำนวนหลุม : 18
• ค่ากรีนฟี : 3,500–4,500 บาท (ตามฤดูกาลและสถานภาพสมาชิก)
• แผนที่ : Google Map
• เว็บไซต์ : thaicountryclub.com

 

8. Santiburi Samui Country Club – เกาะสมุย
สนามกอล์ฟวิวทะเลสุดอลังการ หนึ่งเดียวบนเกาะสมุย
Santiburi Samui Country Club เป็นสนามกอล์ฟระดับแชมเปียนชิพ 18 หลุม บนเนินเขาทางตอนเหนือของเกาะสมุย โดดเด่นด้วยวิวทะเลอ่าวไทยแบบพาโนรามา สนามออกแบบให้กลมกลืนกับภูมิประเทศแบบทรอปิคอล เส้นทางแฟร์เวย์ลัดเลาะผ่านหุบเขา น้ำตก และแมกไม้เขียวขจี
ที่นี่เคยใช้จัดแข่งขันรายการ Asian Tour และถือเป็นสนามที่ทั้งสวย ท้าทาย และแปลกใหม่ เหมาะกับนักกอล์ฟที่ต้องการประสบการณ์ไม่เหมือนใคร
จุดเด่น : สนามกอล์ฟริมภูเขา มองเห็นวิวทะเลที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง
• จำนวนหลุม : 18
• ค่ากรีนฟี : 3,800–5,500 บาท (ขึ้นอยู่กับฤดูกาล)
• แผนที่ : Google Map
• เว็บไซต์ : santiburigolfsamui.com

 

9. Royal Hua Hin Golf Course – หัวหิน
สนามกอล์ฟแห่งแรกของประเทศไทย เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ทางประวัติศาสตร์
Royal Hua Hin Golf Course คือสนามกอล์ฟแห่งแรกของประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2467 โดยสถาปนิกชาวสก็อต วิวสนามล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่และทางรถไฟเก่า ให้บรรยากาศย้อนยุคคลาสสิก ผสมความร่มรื่นแบบธรรมชาติ
สนามนี้เหมาะสำหรับผู้เล่นทุกระดับ โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบบรรยากาศเรียบง่าย สงบ และอบอวลไปด้วยประวัติศาสตร์ของวงการกอล์ฟไทย
จุดเด่น : สนามกอล์ฟแห่งแรกของประเทศไทย สไตล์โคโลเนียล
• จำนวนหลุม : 18
• ค่ากรีนฟี : 1,200–1,800 บาท
• แผนที่ : Google Map
• เว็บไซต์ : [ไม่มีเว็บไซต์หลัก — โทรสอบถามที่สนามโดยตรง](+66 32 512 475)

 

10. Chiangmai Highlands Golf & Spa Resort – เชียงใหม่
สนามกอล์ฟวิวภูเขาสุดอลังการ พร้อมรีสอร์ตหรูระดับพรีเมียม
Chiangmai Highlands Golf & Spa Resort เป็นสนามกอล์ฟมาตรฐาน 27 หลุม ตั้งอยู่ในหุบเขาทางตะวันออกของจังหวัดเชียงใหม่ โดดเด่นด้วยอากาศเย็นสดชื่นตลอดปี ล้อมรอบด้วยธรรมชาติและภูเขาสลับซับซ้อน ทำให้บรรยากาศการออกรอบที่นี่สงบ ผ่อนคลาย และมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร
สนามได้รับการออกแบบโดย Lee Schmidt (Schmidt-Curley Design) มีเลย์เอาต์ที่ท้าทาย กรีนเร็ว และแฟร์เวย์เรียบเนียน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งสปา ห้องพัก และร้านอาหาร
จุดเด่น : สนามวิวภูเขาสวย อากาศเย็นสบาย พร้อมรีสอร์ตครบวงจร
• จำนวนหลุม: 27
• ค่ากรีนฟี: 2,500–4,500 บาท (รวมรถกอล์ฟ + แคดดี้ในบางแพ็กเกจ)
• แผนที่: Google Map
• เว็บไซต์: chiangmaihighlands.com

 

HUAWEI WATCH FIT 4 Series สนามกอล์ฟกว่า 15,000 แห่งทั่วโลก อยู่ในเรือนนี้!

HUAWEI WATCH FIT 4 Series 1 ใน Smart Watch มาแรงในตอนนี้ ที่รวบรวมสนามกอล์ฟ 15,000 แห่งทั่วโลก ซึ่งรองรับสนามกอล์ฟในประเทศไทยอยู่ถึง 335 สนาม และแสดงผลแบบ 3D ทำให้การตีกอล์ฟของคุณแม่นยำมากยิ่งขึ้น มีทั้งการวัดระยะ ปรับแต่งวงสวิง บันทึกคะแนน วิเคราะห์เชิงลึกการตีกลอ์ฟของคุณ แสดงภาพเคลื่อรไหวในการตีกอล์ฟของผ่านแอป Huawei Health

ข้อมูลเพิ่มเติม : consumer.huawei.com/th/wearables/watch-fit4-pro/

สั่งซื้อได้ที่ : consumer.huawei.com/th/offer/categories/wearable/watch-fit4-buy

ประเทศไทยมีสนามกอล์ฟระดับนานาชาติมากมายที่ตอบโจทย์ทั้งนักกอล์ฟมืออาชีพและนักท่องเที่ยวที่อยากเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ในบรรยากาศธรรมชาติอันสวยงาม หวังว่าข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณวางแผนการเล่นกอล์ฟทริปหน้าได้อย่างน่าประทับใจครับ

You might also like

แชร์บทความนี้

ABOUT THE AUTHOR

SEARCH